วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

ชนิดของนกแก้ว



ข้อมูลของนกแก้ว
          ชนิดของนกแก้ว
         
         นกหกใหญ่หรือ นกแก้วฟ้า เป็นนกพวกนกแก้วพางสั้น(รูปร่างคล้าย อเมซอน)อีกชนิดหนึ่งบองประเทศไทย จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535


         นกเพศผู้ หัวสีเทาอมฟ้า สีขนบริเวณท้ายทอย ไปจนถึงไหล่เป็นสีออกฟ้าเข้ม ไล่ไปจนถึงสีน้ำเงินเข้มที่บริเวณหลัง ใต้คอลงไปจนถึงท้องด้านล่าง สีออกเทาอมเขียวมะกอกอ่อนๆ โคนหางและขนคลุมหางด้านบนสีน้ำเงินเข้ม แต่ตอนปลายหาง มีขนด้านข้างสีเหลือง โดยมีขอบขนหางสีเขียวเข้ม ขนคลุมหางด้านล่าง และ ตะโพก สีเหลืองอมเขียว แต่ตรงปลายขนเป็นสีฟ้า บริเวณหัวปีกส่วนที่ต่อไปถึงไหล่มีแถบแคบๆสีม่วงแดง ขนใต้ปีกตรงสีข้าง และ ขนคลุมใต้ปีกสีแดงสด ขนคลุมปีกด้านบนส่วนใหญ่จะเป็นสีเขียว แต่จะมีขอบขนสีเหลือง แซมอยู่ด้วย มองดูรวมๆ จะเห็นเป็นนกปีกสีเขียวอมเหลือง จงอยปากบนสีส้มแดง จงอยปากล่างสีเทาดำ หรือ เทาอมน้ำตาล ขาสีเทาอมเขียว ม่านตาสีเหลืองอ่อน
นกเพศเมีย หัวมีสีน้ำตาลเข้มไล่ไปแบบจ่างๆ ลงมาทางใบหน้าด้านข้าง เห็นเป็นสีน้ำตาลอ่อน สีคลุมลำตัวโดยทั่วๆไปเป็นสีเขียวอ่อน ปีกสีเขียวเข้มจนเกือบดำ มีขอบขนสีเหลือง หัวสีน้ำตาลเข้ม แต่จะค่อยๆจางกลางหลังมีสีน้ำเงิน แต่ไม่ยาวตลอดไปถึง ลั๊มแบบตัวผู้ ตรงโคนหางด้านบนมีแถบสีฟ้าจางๆ มองเห็นไม่ชัดนัก ต้องสังเกตดีๆ จึงจะเห็น จงอยปากบนและล่างออกสีเทาดำ หรือ เทาอมน้ำตาล
        นกหกใหญ่หรือ นกแก้วฟ้า เป็นนกพวกนกแก้วพางสั้น(รูปร่างคล้าย อเมซอน)อีกชนิดหนึ่งบองประเทศไทย จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
ชนิดและข้อมูลของนกแก้วนกหกใหญ่



                       นกหกเล็กปากแดง
       ลักษณะทั่วไป
นกหกเล็กปากแดงเป็นนกแก้วขนาดเล็กมาก มีขนาดความยาวลำตัวเพียง 14 เซนติเมตร ตัวสีเขียวสด ด้านใต้ท้องสีเขียวอมเหลือง หัวสีสดกว่าลำตัว ปากและหลังส่วนท้ายหรือสะโพกมีสีแดงหรือแสด ตัวผู้มีสีน้ำเงินฟ้าจาง ๆ ที่คอด้านหน้า ส่วนตัวเมียสีเขียวคล้ายตัวผู้ แต่ไม่มีสีฟ้าใต้คางหรือคอด้านหน้า
      ถิ่นอาศัย, อาหาร
นกหกเล็กปากแดงมีถิ่นกำเนิดในอินเดีย พม่า ไทย จีน ตังเกี๋ย ฮ่องกง อันดามันและอินโดเนียเซีย สำหรับประเทศไทยมีทั่วไปทุกภาค ในประเทศไทยมีสองชนิด ชนิดปากดำพบเฉพาะภาคใต้จนถึงมาเลเซียและอินโดนีเซีย ชนิดปากแดงหายาก แต่มีทั่วไปทุกภาคในประเทศไทย ตลอดจนถึงจังหวัด ชุมพร และระนอง รวมทั้งมาเลเซียและอินโดนีเซีย
นกชนิดนี้กินผลไม้ เมล็ดพืช ผลไม้เปลือกแข็ง และน้ำหวานจากดอกไม้ เวลากินผลไม้ หรือน้ำหวานจะห้อยหัวลงจิกกิน
        พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
ชอบห้อยหัวลง แม้แต่เวลานอนก็ห้อยหัวลง ชอบเกาะอยู่ตามต้นไม้ ไม่ค่อยออกบิน พบตามป่าทั่วไป ตามป่าโปร่งบริเวณชายป่า ตามสวนผลไม้ใกล้ ๆ ป่า ชอบอยู่เป็นฝูงตามต้นไม้ ใช้ปากปีนป่าย อยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดเล็กๆ ประมาณ 5 - 10 ตัว
นกหกเล็กปากแดงผสมพันธุ์ตั้งแต่หน้าหนาวถึงหน้าร้อน เจาะต้นไม้ผุ ๆ ให้เป็นโพรงเพื่อเข้าไปวางไข่ หรือวางไข่ในโพรงไม้ที่มีอยู่เดิม มักเลือกโพรงไม้ที่ไม่สูงจากพื้นดินมากนัก วางไข่ครั้งละ 3 - 4 ฟอง
          สถานภาพปัจจุบัน
ใกล้สูญพันธุ์ จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
         สถานที่ชม
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว




                    นกหกเล็กปากดำ
ลักษณะทั่วไป
นกหกเล็กปากดำตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะแตกต่างกัน ตัวผู้มีสีขนที่ลำตัวด้านบนเป็นสีเขียวสด ด้านล่างมีสีอ่อนกว่าและมีสีเหลืองปน บนกลางหัวมีสีดำแกมน้ำเงิน บริเวณอกมีแถบสีแดง บนหลังมีแถบสีเหลือง ปากสีดำ ตัวเมียมีลักษณะแตกต่างจากตัวผู้คือบนกลางหัวไม่มีสีดำ อกไม่มีแถบสีแดง บนหลังไม่มีสีเหลือง ตัวผู้จึงดูสวยงามกว่าตัวเมีย

        ถิ่นอาศัย, อาหาร
พบในทวีปเอเชียแถบสุมาตรา บอร์เนียว มาเลเซีย และในประเทศไทยพบเฉพาะทางภาคใต้เท่านั้น

        พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
ชอบอาศัยอยู่ตามป่าโปร่ง แหล่งเพาะปลูกตามสวน มักหากินรวมกันเป็นฝูงใหญ่ และเกาะอยู่บนต้นไม้ที่ออกดอกออกผล ไม่ค่อยชอบบินแต่มักใช้ปากช่วยจับกิ่งไม้ไต่ไปตามต้นไม้ เวลานอนจะห้อยหัวลงโดยใช้ขาเกาะกับกิ่งไม้
นกหกเล็กปากดำผสมพันธุ์กันในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ทำรังอยู่ตามโพรงไม้ และวางไข่ครั้งละ 3 ฟอง
      สถานที่ชม
สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เปิดเขาเขียว


                       นกแก้วโม่ง
        ลักษณะทั่วไป
เป็นนกแก้วขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ลำตัวยาว 51 เซนติเมตร หางเล็กเรียวยาว ลำตัวสีเขียว จะงอยปากอวบอูม ปลายปากงุ้มลงสีแดง มีแถบสีแดงบริเวณหัวปีก นกตัวผู้มีแถบแดงเล็ก ๆ บริเวณคอด้านหลัง และมีแถบดำบริเวณคอด้านหน้า ซึ่งไม่มีในนกตัวเมีย ใต้หางสีเหลืองคล้ำ ใบหน้าและลำคอสีปนเหลือง

       ถิ่นอาศัย, อาหาร
พบในอินเดีย ชอบอยู่อาศัยบริเวณ ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง ป่ารุ่น เขตแพร่กระจายสามารถพบเห็นได้ที่ พม่า อันดามัน ลาว อินโดจีน ในประเทศไทยพบได้ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้
นกแก้วโม่งชอบหาอาหารเป็นฝูงเล็ก ๆ อยู่บนต้นไม้ กินผลไม้ สามารถใช้ปากเกาะเกี่ยวเคลื่อนตัวไปตามกิ่งไม้ได้ดี
       
        พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
หากินอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก ๆ นอนบนต้นไม้เป็นกลุ่มใหญ่ ส่งเสียงร้องกันระงม สามารถพูดได้เมื่อนำมาเลี้ยงให้เชื่อง เวลาบินจะบินเป็นฝูงเล็กๆ 8-10 ตัว ชอบเกาะตามยอดไม้
นกแก้วโม่งผสมพันธุ์ระหว่างเดือน ธันวาคม - มีนาคม ทำรับอยู่ตามโพรงไม้ วางไข่ครั้งละ 2 - 4 ฟอง
        

          สถานภาพปัจจุบัน
เป็นนกประจำถิ่นที่หายาก จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
            สถานที่ชม
สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์สงขลา

                               นกกะลิง
           ลักษณะทั่วไป
นกกะลิงเป็นนกแก้วขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง มีขนาดลำตัวประมาณ 41 เซนติเมตร ตัวผู้และตัวเมีย มีลักษณะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยคือ ตัวเมียไม่มีแถบสีแดงบริเวณไหล่อย่างตัวผู้ ส่วนลักษณะของทั้งสองเพศที่เหมือนกันคือ หัวมีสีเทา ปากสีส้ม บริเวณรอบคอมีสีดำ ขนตามลำตัวส่วนใหญ่มีสีเขียวไพล หางคู่กลางยาวเป็นสีฟ้าอมม่วง ตรงปลายเป็นสีเหลืองอ่อน ขนปลายปีกสีดำ ขาและนิ้วสีเขียว

         นิสัย
ชอบอาศัยอยู่ตามป่าโปร่ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ทั้งที่ลุ่มและภูเขาตลอดจนบริเวณใกล้หมู่บ้านและแหล่งเกษตรกรรมมักอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ 8 - 10 ตัว หากินอยู่ตามต้นไม้
       ถิ่นอาศัย
พบในทวีปเอเชียแถบแคว้นอัสสัม ปากีสถาน ลาว เวียดนาม จีนตอนใต้ และในประเทศไทย พบทางภาคตะวันตก ภาคเหนือ
       อาหาร
นกกะลิงกินเมล็ดพืช ผลไม้ ยอดไม้ เป็นอาหาร
        การสืบพันธุ์
ผสมพันธุ์ในช่วงเดือนปลายฤดูหนาว ทำรังอยู่ตามโพรงไม้ธรรมชาติ บางครั้งทำรังเก่าของนกหัวขวาน หรือนกโพระดก สูงจากพื้น 6 - 18 เมตร และออกไข่ครั้งละ 3 - 5 ฟอง ทั้งตัวผู้และตัวเมียช่วยกันฟักไข่และเลี้ยงลูก
      สถานภาพปัจจุบัน
เป็นนกประจำถิ่นที่พบได้น้อยเฉพาะทางภาคเหนือ ภาคตะวันตกตอนเหนือ และบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535

                           นกแก้วหัวแพร
          ลักษณะทั่วไป
เป็นนกแก้วขนาดกลาง มีความยาวลำตัว 33 เซนติเมตร นกแก้วหัวแพรตัวผู้มีลักษณะแตกต่างจากตัวเมียคือ บนหัวมีสีม่วงและมีแถบสีดำบริเวณรอบคอ ส่วนตัวเมียบนหัวมีสีเท่าปนม่วงและไม่มีแถบสีดำรอบคอ นอกจากนั้นแล้วมีลักษณะเหมือนกันคือ ลำตัวทั่วไปมีสีเขียว ด้านล่างสีเหลืองอมเขียว ใบหน้าและหัวสีชมพูสด ปีกมีแถบสีแดง

         ถิ่นอาศัย, อาหาร
พบอยู่บริเวณเชิงเทือกเขาหิมาลัย ภาคใต้ของจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทยพบอยู่เกือบทุกภาค ยกเว้นทางภาคใต้
นกแก้วหัวแพรกินผลไม้ เมล็ดพืช และยอดไม้เป็นอาหาร
      พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
นกแก้วชนิดนี้ มักชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก ๆ ส่งเสียงร้องดังมาก บางครั้งอาจบินออกจากป่าสู่ไร่นา
นกแก้วหัวแพรมีช่วงฤดูผสมพันธุ์อยู่ในราวเดือนมีนาคม – เมษายน
         สถานภาพปัจจุบัน
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
        สถานที่ชม
สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา

                                   
                               นกแขกเต้า
นกแขกเต้าเป็นนกแก้วชนิดหนึ่งถือว่าเป็นนกประจำถิ่นที่พบได้ทุกภาคของประเทศไทยยกเว้นเฉพาะภาคใต้เท่านั้นที่ไม่พบ
       
        ลักษณะ
นกชนิดนี้มีลำตัวขนาด 35 ซ.ม. หัวใหญ่ คอสั้น หางยาวแหลม ขนปกคลุมลำตัวสีสันสดใสตัวผู้ลำตัวด้านบนสีเขียว ลำตัวด้านล่างมีสีเขียวอ่อนอมฟ้า บริเวณอกสีชมพูแก้มส้ม หัวสีม่วงแกมเทาหน้าผากมีแถบสีดำคาดไปจรดตาทั้งสองข้าง และมีแถบสีดำลากจากโคนปากไปถึงแก้ม จะงอยปากบนสีแดงสด จะงอยปากล่างสีดำ ส่วนตัวเมียต่างจากตัวผู้ตรงที่หัวเป็นสีน้ำเงินแกมเทาจะงอยปากบนสีดำสนิท
       การกระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย
นกแขกเต้าพบได้ในประเทศอินเดีย พม่า ไทย ลาว กัมพูชา และ เวียดนาม ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ที่พบน้อยมาก อาศัยอยู่ในป่าโปร่ง ตั้งแต่พื้นราบไปจนถึงระดับความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล
   
 พฤติกรรม
อาหารของนกแขกเต้าได้แก่ เมล็ดพืช ลูกไม้ป่า ผลไม้ ยอดไม้ และ น้ำต้อย ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ หากินอยู่บนต้นไม้ นกแขกเต้าวางไข่ครั้งละ 3-4 ฟอง มีระยะฟักไข่นาน 28 วัน
   
 สถานะการอนุรักษ์
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535

อ้างอิง http://203.172.184.5/bc/web/2555/532kt3/5322014096/paeg3.htmlhttp://203.172.184.5/bc/web/2555/532kt3/5322014096/paeg3.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น