โทรศัพท์ (Telephone)
อุปกรณ์สื่อสารที่เชื่อมโยงนำเสียงและคำพูดรวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ระหว่างบุคคลใดซึ่งอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ผ่านทางโครงข่ายโทรศัพท์ กับบุคคลที่
ต้องการติดต่อด้วย ณ สถานที่อีกแห่งหนึ่ง ให้สามารถพูดจาโต้ตอบกันได้เหมือนบุคคลทั้งสองหรือมากกว่าอยู่ที่เดียวกัน
อุปกรณ์สื่อสารที่เชื่อมโยงนำเสียงและคำพูดรวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ระหว่างบุคคลใดซึ่งอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ผ่านทางโครงข่ายโทรศัพท์ กับบุคคลที่
ต้องการติดต่อด้วย ณ สถานที่อีกแห่งหนึ่ง ให้สามารถพูดจาโต้ตอบกันได้เหมือนบุคคลทั้งสองหรือมากกว่าอยู่ที่เดียวกัน
โครงข่ายโทรศัพท์ (Telephone Network)
เทคโนโลยีและอุปกรณ์ ที่ทำงานประสานกันสามารถทำให้ผู้รับบริการติดต่อสื่อสารกันได้ทำหน้าที่สำคัญคือ การสลับวงจรของชุมสาย (switching)
เช่น อุปกรณ์ชุมสายโทรศัพท์ มีหน้าที่กำหนดเลขหมายของผู้รับบริการสลับวงจรเพื่อสร้างเส้นทางการสื่อสาร หรือหน้าที่ในการให้สัญญาณประเภท
ต่างๆ (สัญญาณกระดิ่งสัญญาณตอบรับ สัญญาณสายว่าง) ระหว่างผู้รับบริการต้นทางและปลายทาง เป็นต้น
เทคโนโลยีและอุปกรณ์ ที่ทำงานประสานกันสามารถทำให้ผู้รับบริการติดต่อสื่อสารกันได้ทำหน้าที่สำคัญคือ การสลับวงจรของชุมสาย (switching)
เช่น อุปกรณ์ชุมสายโทรศัพท์ มีหน้าที่กำหนดเลขหมายของผู้รับบริการสลับวงจรเพื่อสร้างเส้นทางการสื่อสาร หรือหน้าที่ในการให้สัญญาณประเภท
ต่างๆ (สัญญาณกระดิ่งสัญญาณตอบรับ สัญญาณสายว่าง) ระหว่างผู้รับบริการต้นทางและปลายทาง เป็นต้น
สายโทรศัพท์ (Telephone line)
สื่อนำสัญญาณทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์กับส่วนอื่นๆ ของโครงข่าย และชุมสายโทรศัพท์ ทำมาจากโลหะหุ้มฉนวน มีหลายประเภท สื่อนำ
สัญญาณทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์กับส่วนอื่นๆ ของโครงข่ายและชุมสายโทรศัพท์ ทำมาจากโลหะหุ้มฉนวนมีหลายประเภท
สื่อนำสัญญาณทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์กับส่วนอื่นๆ ของโครงข่าย และชุมสายโทรศัพท์ ทำมาจากโลหะหุ้มฉนวน มีหลายประเภท สื่อนำ
สัญญาณทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์กับส่วนอื่นๆ ของโครงข่ายและชุมสายโทรศัพท์ ทำมาจากโลหะหุ้มฉนวนมีหลายประเภท
วงจรโทรศัพท์ (Telephone circuit)
circuit)
วงจรที่สมบูรณ์ เพื่อการให้บริการทางโทรศัพท์ ซึ่งกระแสไฟฟ้าของการส่งสัญญาณ และสัญญาณเสียงจะเคลื่อนผ่านไปในวงจรโทรศัพท์ที่มีการ
เชื่อมต่อกันครบวงจรระหว่างสมาชิกผู้ใช้โทรศัพท์
ส่วนประกอบหลักของระบบสื่อสารโทรคมนาคมประกอบด้วย ผู้ส่ง ผู้รับ และโครงข่ายโทรคมนาคม โดยมีอุปกรณ์ปลายทาง เช่น โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ กล้องโทรทัศน์ เป็นต้น ระบบโทรศัพท์จัดเป็นระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่มีการใช้มากที่สุด การส่งสัญญาณผ่านระบบโทรศัพท์จำเป็นต้องใช้โครงข่ายโทรศัพท์วงจรสลับสัญญาณ หรือสวิตซ์สาธารณะ เพื่อส่งสัญญาณระหว่างผู้รับบริการที่ต่ออยู่ระหว่างเครื่องโทรศัพท์ กับชุมสายท้องถิ่น โดยการเชื่อมต่อระหว่างโครงข่ายมีรูปแบบการเชื่อมต่อ ได้แก่ โครงข่ายรูปดาว โครงข่ายใยแมงมุม โครงข่ายแบบผสมและโครงข่ายสลับสาย โดยการใช้รูปแบบการเชื่อมต่อแต่ละประเภท ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการ เช่น ขนาดของโครงข่าย และจำนวนการเชื่อมต่อโครงข่าย เป็นต้น สำหรับองค์ประกอบโครงข่ายของระบบโทรศัพท์โดยทั่วไปประกอบด้วย ชุมสายโทรศัพท์ ระบบสื่อสัญญาณ ระบบสัญญาณควบคุมและอุปกรณ์ปลายทาง โดยองค์ประกอบแต่ละประเภทนั้นจะทำหน้าที่ต่างๆ เพื่อให้สามารถส่งสัญญาณระว่างผู้รับบริการได้ สำหรับประเทศไทย มีการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรศัพท์แบบตามลำดับชั้น(Hierarchy network) ซึ่งประกอบด้วยชุมสายระดับโครงข่ายระหว่างประเทศการเชื่อมต่อผ่านทางไกล การกำหนดชุมสายทางไกลระหว่างจังหวัด และชุมสายท้องถิ่น เป็นต้น
circuit)
วงจรที่สมบูรณ์ เพื่อการให้บริการทางโทรศัพท์ ซึ่งกระแสไฟฟ้าของการส่งสัญญาณ และสัญญาณเสียงจะเคลื่อนผ่านไปในวงจรโทรศัพท์ที่มีการ
เชื่อมต่อกันครบวงจรระหว่างสมาชิกผู้ใช้โทรศัพท์
ส่วนประกอบหลักของระบบสื่อสารโทรคมนาคมประกอบด้วย ผู้ส่ง ผู้รับ และโครงข่ายโทรคมนาคม โดยมีอุปกรณ์ปลายทาง เช่น โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ กล้องโทรทัศน์ เป็นต้น ระบบโทรศัพท์จัดเป็นระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่มีการใช้มากที่สุด การส่งสัญญาณผ่านระบบโทรศัพท์จำเป็นต้องใช้โครงข่ายโทรศัพท์วงจรสลับสัญญาณ หรือสวิตซ์สาธารณะ เพื่อส่งสัญญาณระหว่างผู้รับบริการที่ต่ออยู่ระหว่างเครื่องโทรศัพท์ กับชุมสายท้องถิ่น โดยการเชื่อมต่อระหว่างโครงข่ายมีรูปแบบการเชื่อมต่อ ได้แก่ โครงข่ายรูปดาว โครงข่ายใยแมงมุม โครงข่ายแบบผสมและโครงข่ายสลับสาย โดยการใช้รูปแบบการเชื่อมต่อแต่ละประเภท ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการ เช่น ขนาดของโครงข่าย และจำนวนการเชื่อมต่อโครงข่าย เป็นต้น สำหรับองค์ประกอบโครงข่ายของระบบโทรศัพท์โดยทั่วไปประกอบด้วย ชุมสายโทรศัพท์ ระบบสื่อสัญญาณ ระบบสัญญาณควบคุมและอุปกรณ์ปลายทาง โดยองค์ประกอบแต่ละประเภทนั้นจะทำหน้าที่ต่างๆ เพื่อให้สามารถส่งสัญญาณระว่างผู้รับบริการได้ สำหรับประเทศไทย มีการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรศัพท์แบบตามลำดับชั้น(Hierarchy network) ซึ่งประกอบด้วยชุมสายระดับโครงข่ายระหว่างประเทศการเชื่อมต่อผ่านทางไกล การกำหนดชุมสายทางไกลระหว่างจังหวัด และชุมสายท้องถิ่น เป็นต้น
๓.๑ ประวัติความเป็นมาของโทรศัพท์
โทรศัพท์ประดิษฐ์เป็นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell) เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๙ (ค.ศ.1876) [๑] และต่อมาเครื่องชุมสายโทรศัพท์ได้ถูกเปิดให้บริการผู้เช่าเป็นครั้งแรกในเมืองนิวฮาเวน(New Haven)มลรัฐคอนเนตทิคัต (Conecticut) เป็นระบบที่ใช้พนักงานต่อสายสัญญาณ (Manual) ต่อมาเครื่องชุมสายโทรศัพท์ได้ถูกพัฒนา จากระบบที่ใช้พนักงานต่อเป็นระบบอัตโนมัติ (Automatic Telephone Exchange) เครื่องชุมสายโทรศัพท์ระบบอัตโนมัติเครื่องแรก เป็นระบบการสลับทีละขั้น หรือระบบสเต็ปบายสเต็ป (Step-By-Step) ออกแบบโดยอัลมอน บี สโตรว์เกอร์ (Almon B.Strowger) ในปี พ.ศ ๒๔๓๕ (ค.ศ. 1892) และเปิดใช้ในเมืองลาปอเต้ (La Porte) มลรัฐอินเดียน่า (Indiana) ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก เครื่องชุมสายระบบอัตโนมัติได้ถูกพัฒนาขึ้นจากระบบ Step-By-Step และระบบครอสบาร์สวิทช์ (Crossbar switch) ซึ่งเป็นเครื่องชุมสายแบบระบบเครื่องจักรกลอิเล็กทรอนิกส์ (Electromechnical System) มาเป็นเครื่องชุมสายระบบอิเลคทรอนิกส์ (Electronic Switching System) ในช่วงแรกของการพัฒนาเครื่องชุมสายนั้น ส่วนที่เป็นตัวควบคุมได้ถูกออกแบบให้เป็นตัวกลางในการควบคุมการทำงานของวงจร เครื่องชุมสายระบบครอสบาร์สวิทช์ (Crossbar switch) ระบบเริ่มแรก ต่อมาได้นำระบบการควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic control) มาใช้ซึ่งระบบการควบคุมประกอบด้วยสามส่วนได้แก่ Hardware logic Programmable wired logic และ Stored program
control ( SPC) ระบบเอชพีซี (SPC) เป็นที่นิยมนำมาใช้เนื่องจากมีข้อดีในการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาใช้ประโยชน์ในการออกแบบระบบการควบคุมดูแลและการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของชุมสาย นอกจากนี้ระบบ SPC ยังทำให้สามารถมีบริการต่างๆ (Facilities) แก่ผู้เช่าได้มาก เครื่องชุมสายระบบ SPC แบบแอนะล็อก (Analog) ได้ถูกนำมาเปิดใช้งานบริการแก่ผู้เช่าเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ (ค.ศ.1965) การพัฒนาเครื่องชุมสายระบบนี้ ได้ถึงจุดอิ่มตัว ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๓ (ค.ศ. 1970) โดยนำอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ (Semiconductors) มาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องชุมสายโทรศัพท์ โดยนำวิธีการจัดการสัญญาณแบบดิจิทัล เช่น การแปลงสัญญาณเสียงให้เป็นข้อมูลดิจิทัล(Pluse coded Modulation: PCM) และการจัดสรรช่องสัญญาณแบบแบ่งตามเวลา (Time Division Multiplexing: TDM) มาใช้ในเครื่องชุมสาย SPC ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานดีกว่า SPC แบบเดิมมากเพราะทำให้เป็นเครื่องชุมสายแบบที่มีส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด(Fully Electronics) เรียกว่าเป็นชุมสาย SPC แบบดิจิทัล
สำหรับในประเทศไทยได้นำโทรศัพท์มาใช้ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๔ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ติดตั้งที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรปราการเครื่องโทรศัพท์ที่ใช้ในระยะแรกคือ เครื่องโทรศัพท์ระบบแม็กนีโตหรือระบบไฟประจำเครื่อง ปี พ.ศ. ๒๔๕๐ ชุมสายโทรศัพท์แห่งแรกในประเทศไทย ติดตั้งระบบ ณ สำนักงานโทรศัพท์กลาง (วัดเลียบ) เป็นโทรศัพท์ไฟกลางใช้พนักงานต่อ (Central Battery: CB) เป็นชุมสายกึ่งอัตโนมัติ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๗๘ เริ่มใช้ชุมสายระบบ Step by Step และปี พ.ศ. ๒๔๙๗ มีการสถาปนาองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเพื่อให้บริการโทรศัพท์ ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ เริ่มใช้ชุมสายโทรศัพท์ครอสบาร์ ติดตั้งครั้งแรกในประเทศไทยที่ชุมสายชลบุรี ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เริ่มใช้เครื่องโทรศัพท์แบบกดปุ่ม มาเปิดใช้ครั้งแรกในเขตนครหลวง ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ เปิดใช้ชุมสายโทรศัพท์ระบบ SPC มาใช้ครั้งแรกที่ชุมสายภูเก็ต ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ปรับเปลี่ยนโทรศัพท์ระบบครอสบาร์ (แบบหมุน) เป็นระบบเอสพีซี (แบบกดปุ่ม) ทั้งหมด ต่อมาเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยแปลงสภาพเป็น
บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน (TOT Corporation Public Company Limited) และวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เปลี่ยนชื่อเป็น
บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (TOT Public Company Limited) วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง และแบบที่สามจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช.
บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน (TOT Corporation Public Company Limited) และวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เปลี่ยนชื่อเป็น
บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (TOT Public Company Limited) วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง และแบบที่สามจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช.
๔. หลักการเบื้องต้นของเครื่องโทรศัพท์
เครื่องโทรศัพท์ (Telephone set) พื้นฐานประกอบด้วยเครื่องส่ง (Transmitter)เครื่องรับ (Receiver) กระดิ่ง (Ringer) ฮุคสวิตซ์ (Hook Switch) หรือหน่วยตัดหรือเชื่อมสัญญาณ เมื่อมีการยกหูโทรศัพท์ และหน้าปัด สำหรับกดเลขหมาย (Dial) สำหรับเครื่องส่งและเครื่องรับ รวมกันเรียกว่า ปากพูดหูฟัง (Handset) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เปลี่ยนพลังงานเสียงที่เกิดจากการพูดให้เป็นพลังงานไฟฟ้าและเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าที่ได้รับกลับเป็นพลังงานเสียงอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้อุปกรณ์ภาคส่ง (Transmitter) เปลี่ยนตัวพลังงานเสียงให้เป็นพลังงานไฟฟ้าและอุปกรณ์ภาครับ (Receiver) เป็นตัวเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานเสียง สัญลักษณ์ที่ใช้สำหรับภาคส่งและภาครับ
เครื่องโทรศัพท์ใช้ภาคส่งที่มีความไวแบบคาร์บอน (Carbon) โดยที่โทรศัพท์ จะประกอบด้วยคาร์บอนไมโครโฟนเป็นตัวกำเนิดสัญญาณโทรศัพท์และมีหูฟังเป็นตัวรับ หูโทรศัพท์จะต่อกับสายโทรศัพท์โดยผ่านหม้อแปลงอัตโนมัติซึ่งทำให้หูโทรศัพท์และสายโทรศัพท์มีค่าอิมพีแดนซ์ จะถูกปรับเปลี่ยนจนกระทั่งมีการเข้าคู่อิมพีแดนซ์กับคู่สายและสัญญาณกริ่งโทรศัพท์จะต่อกับสายผ่านไปยังฮุคสวิตช์ กระแสสำหรับเครื่องโทรศัพท์ด้านส่งจะมาจากแบตเตอรี่ของชุมสาย ที่ชุมสายจะมีหม้อแปลงซึ่งเป็นตัวแยกสัญญาณเสียงกับสัญญาณกระแสตรง (DC) -๔๘ โวลต์ (V) ซึ่งกระแสตรงจะถูกส่งจากแบตเตอรี่ของชุมสายเข้าไปยังคู่สายโทรศัพท์แผนภาพเครื่องโทรศัพท์
๕.คู่สายโทรศัพท์
ข่ายสายสัญญาณโทรศัพท์จะประกอบด้วยข่ายสายโทรศัพท์ของผู้รับบริการที่ต่ออยู่ระหว่างเครื่องโทรศัพท์กับชุมสายท้องถิ่นและข่ายสายต่อผ่านสายโทรศัพท์ของผู้รับบริการจะประกอบในวงจรใดๆ ของการสนทนาด้วยสายสองคู่สาย [๒]
โดยสายโทรศัพท์จะทำด้วยทองแดงหรือโลหะอื่นๆ คู่สายนี้จะรวมอยู่ในสายเคเบิลขนาดใหญ่ที่บรรจุคู่สายได้ประมาณ ๑๐๐ ถึง ๑,๐๐๐ คู่สาย งานสายในบริเวณใกล้ๆ กับชุมสายท้องถิ่นจะเรียกว่า ข่ายสายหลัก หรือเคเบิลต้นทาง (Primary Cable) และงานสายในระยะทางที่ไกลจากชุมสายท้องถิ่นจะมีการแยกสายเคเบิลออกเป็นส่วนๆ และมีจำนวนน้อยลงเป็น ๑๐๐ คู่สาย เรียกว่าข่ายสายรอง หรือเคเบิลปลายทาง (Secondary Cable) และเคเบิล ที่แยกออกมานี้จะต่อเข้ากับตู้พักปลายทาง (Distribution Point) เพื่อแยกเป็นคู่สายไปต่อเข้ากับเครื่องโทรศัพท์ของผู้รับบริการต่อไป
สิ่งที่ต้องพิจารณาในการวางข่ายสายโทรศัพท์คือ ค่าความต้านทานของคู่สายจะทำให้สัญญาณถูกลดทอนลง ถ้าระยะทางระหว่างผู้รับบริการกับชุมสายท้องถิ่นเกิน ๖ กิโลเมตรจะต้องใช้สายสัญญาณมีเส้นศูนย์กลาง ๐.๔ มิลลิเมตร(mm)และถ้าเป็นสายสัญญาณมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๐.๖ มิลลิเมตร ระยะทางจะเพิ่มขึ้นเป็น ๑๓ กิโลเมตร จากชุมสายท้องถิ่น ดังนั้นจำนวนระยะทางจะขึ้นอยู่กับขนาดของสายหากขนาดของสายเพิ่มขึ้นระยะทางจะสามารถเพิ่มขึ้นได้ด้วย เพื่อพิจารณาความคุ้มค่า ในการลงทุนสร้างโครงข่ายแก้ปัญหาการลดทอน ของสัญญาณจะมีการดำเนินการ ด้วยการติดตั้งชุมสายท้องถิ่นให้มีจำนวนมากขึ้นซึ่งให้ผลคุ้มค่ากว่าการใช้สายที่มีขนาดใหญ่ขึ้นดังกล่าว
๕.๑ โครงข่ายเบื้องต้น (Basic Structure Structure)
๕.๑ โครงข่ายเบื้องต้น (Basic Structure Structure)
โครงข่ายโทรศัพท์ตัวอย่างดังรูปที่ ๕.๑ เป็นการต่อวงจรโทรศัพท์ของสองคู่สายใดๆ เมื่อพิจารณานำมาต่อกันเป็นโครงข่ายที่ใหญ่ขึ้นมีองค์ประกอบคือ โทรศัพท์ โครงข่ายสายและชุมสายมาต่อเชื่อมกันมากขึ้นจะกลายเป็นโครงสร้างโครงข่ายที่ให้บริการผู้ใช้ได้มากขึ้น โครงสร้างโครงข่ายเบื้องต้นมีสองรูปแบบ คือ แบบรูปดาว (Star Type) และแบบใยแมงมุม (mesh network)
๕.๑.๑ โครงข่ายรูปดาว (star network)
เป็นโครงข่ายที่ใช้จุดกึ่งกลางเป็นตัวเชื่อมโยงการติดต่อระหว่างเครื่องโทรศัพท์ หรือชุมสายโทรศัพท์ที่อยู่รอบๆ การติดต่อกันระหว่างเครื่องชุมสายหรือชุมสายโทรศัพท์ที่อยู่ในโครงข่ายรูปดาวนี้ จะกระทำได้โดยการต่อผ่านชุมสายโทรศัพท์ศูนย์กลางเท่านั้น ข้อดีของการเชื่อมต่อจะลดจำนวนคู่สายที่ใช้ติดต่อกันระหว่างชุมสายโทรศัพท์ เหมาะสำหรับใชักับโครงข่ายขนาดเล็กที่มีการใช้หรือความหนาแน่นของสัญญาณ (Traffic) โทรศัพท์ไม่คับคั่ง เช่น ในส่วนภูมิภาค
เป็นโครงข่ายที่ใช้จุดกึ่งกลางเป็นตัวเชื่อมโยงการติดต่อระหว่างเครื่องโทรศัพท์ หรือชุมสายโทรศัพท์ที่อยู่รอบๆ การติดต่อกันระหว่างเครื่องชุมสายหรือชุมสายโทรศัพท์ที่อยู่ในโครงข่ายรูปดาวนี้ จะกระทำได้โดยการต่อผ่านชุมสายโทรศัพท์ศูนย์กลางเท่านั้น ข้อดีของการเชื่อมต่อจะลดจำนวนคู่สายที่ใช้ติดต่อกันระหว่างชุมสายโทรศัพท์ เหมาะสำหรับใชักับโครงข่ายขนาดเล็กที่มีการใช้หรือความหนาแน่นของสัญญาณ (Traffic) โทรศัพท์ไม่คับคั่ง เช่น ในส่วนภูมิภาค
๕.๑.๒ โครงข่ายใยแมงมุม (mesh network)
เป็นโครงข่ายที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างชุมสายด้วยกัน เหมาะสำหรับใช้เชื่อมต่อโครงข่ายที่มีการใช้โทรศัพท์จำนวนมาก เช่น ชุมสายโทรศัพท์ในเขตนครหลวง เพราะจำนวนการเรียกจะกระจายกันออกไปยังชุมสายต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่คับคั่งอยู่ที่จุดศูนย์กลาง ณ ชุมสายใดชุมสายหนึ่งแต่การเชื่อมต่อต้องใช้คู่สายจำนวนมาก [๒]
เป็นโครงข่ายที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างชุมสายด้วยกัน เหมาะสำหรับใช้เชื่อมต่อโครงข่ายที่มีการใช้โทรศัพท์จำนวนมาก เช่น ชุมสายโทรศัพท์ในเขตนครหลวง เพราะจำนวนการเรียกจะกระจายกันออกไปยังชุมสายต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่คับคั่งอยู่ที่จุดศูนย์กลาง ณ ชุมสายใดชุมสายหนึ่งแต่การเชื่อมต่อต้องใช้คู่สายจำนวนมาก [๒]
๕.๒ โครงสร้างโครงข่ายแบบผสม (combined network)
โครงข่ายแบบผสมเป็นการรวมข้อดีของทั้งสองโครงข่าย (โครงข่ายรูปดาวและโครงข่ายใยแมงมุม)เพื่อออกแบบโครงข่ายโทรศัพท์ให้มีประสิทธิภาพและประหยัด โดยพื้นที่ใช้งานโทรศัพท์อย่างคับคั่งเช่น ในเขตเมืองที่เป็นย่านธุรกิจจะใช้โครงข่ายใยแมงมุม (mesh network) และในพื้นที่ใช้งานโทรศัพท์ไม่คับคั่ง เช่น ในเมืองเล็กๆ ใช้โครงข่ายรูปดาว (star network) เป็นต้น ดังนั้นในโครงข่ายทางไกลจะใช้โครงข่ายทั้งสองประเภทร่วมกันเรียกว่า โครงข่ายแบบผสม [๒]
๕.๓ โครงข่ายสลับสาย (Switching Network)
เครื่องสลับวงจรหรือสลับสายเป็นส่วนสำคัญของระบบโทรศัพท์อัตโนมัติโดยระบบแรกที่มีการใช้งานคือระบบการสลับทีละขั้น (Step by Step) ภายในชุมสายการสลับนี้มีหน้าที่สำคัญสองประการ คือ การหาและเลือกเส้นทางการสื่อสาร (หรือเรียกสาย) ต่อมาถูกพัฒนาเป็นระบบครอสบาร์ (Crossbar)ซึ่งการทำงานยังคงใช้แบบทางกล (mechanic) ด้วยอุปกรณ์โลหะเป็นหลักอยู่เหมือนระบบการสลับสายทีละขั้นต่อ จากนั้นได้มีการประยุกต์ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการทำงานทางกลทั้งหมดและได้พัฒนามาจนใช้ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยควบคุมการทำงานทุกขั้นตอนเรียกว่าระบบการควบคุมด้วยโปรแกรมหรือระบบเอสพีซี (Store Program Control:SPC) ส่งผลให้ขนาดของชุมสายเล็กลงการทำงานมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงง่ายต่อการบำรุงรักษากว่าระบบ ที่มีใช้ก่อนหน้า
๕.๔ ระบบการให้สัญญาณในโครงข่ายโทรศัพท์ (Signaling System)
ระบบการให้สัญญาณสำหรับชุมสายโทรศัพท์เอสพีซี หรือชุมสายโทรศัพท์ดิจิทัล จะใช้ระบบการให้สัญญาณหมายเลข ๗ (Signaling 7) ซึ่งการทำงานจะเหมือนกับระบบการให้สัญญาณทั่วไป เพียงแต่จะมีเทคนิคที่ดีกว่าคือ การให้บริการมีคุณภาพเช่น การสร้างการเรียกจะรวดเร็วกว่า และมีการจัดการบริการในรูปแบบใหม่ ๆ มีอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานน้อยลงแต่ประสิทธิภาพในการทำงานสูง ระบบการให้สัญญาณหมายเลข ๗ (Signaling 7)ไม่เพียงแต่ใช้งานกับระบบโทรศัพท์เท่านั้นแต่ยังรวมถึง โครงข่ายบริการสื่อสารร่วมดิจิทัล(ISDN) โครงข่ายโทรศัพท์สาธารณะ(PSTN) โครงข่ายเชิงปัญญาและโครงข่ายเคลื่อนที่สำหรับระบบการให้สัญญาณในโครงข่ายโทรศัพท์ และโครงข่ายโทรศัพท์สาธารณะ มีความต้องการระบบการให้สัญญาณหมายเลข ๗ เพียงสองส่วนคือ ส่วนถ่ายโอนข่าวสาร (Message Transfer Part: MTP) ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวกับการถ่ายโอนสัญญาณทั่ว ๆ ไป เพื่อการใช้งานด้านโทรคมนาคมหลายชนิดที่มีความจำเป็น ในการถ่ายโอนสัญญาณข่าวสารระหว่างชุมสายโทรศัพท์ หรือจุดการให้สัญญาณ (Signaling Points) ส่วนของระบบการให้สัญญาณ (Telephone User Part: TUP) เป็นส่วนของระบบสัญญาณหมายเลข ๗ อีกประเภทหนึ่งในโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐาน ทำหน้าที่สร้างสัญญาณโทรศัพท์ในชุมสายต้นทางและเป็นส่วนที่มีหน้าที่รับและวิเคราะห์สัญญาณในชุมสายปลายทาง
๕.๕ องค์ประกอบโครงข่ายของระบบโทรศัพท์พื้นฐาน
โครงข่ายพื้นฐานมีองค์ประกอบหลักที่ประกอบเป็นการเชื่อมต่อของโครงข่าย ได้แก่
ก) ชุมสายโทรศัพท์
ข) ระบบสื่อสัญญาณ
ค) ระบบสัญญาณควบคุมและ
ง) อุปกรณ์ปลายทาง
โดยโครงสร้างของโครงข่ายพื้นฐานครอบคลุมสองส่วนหลักทางกายภาพ คือ
ข) ระบบสื่อสัญญาณ
ค) ระบบสัญญาณควบคุมและ
ง) อุปกรณ์ปลายทาง
โดยโครงสร้างของโครงข่ายพื้นฐานครอบคลุมสองส่วนหลักทางกายภาพ คือ
๕.๕.๑ ส่วนของโครงข่าย (network) ประกอบด้วยส่วนประกอบย่อยคือ ชุมสายโทรศัพท์และระบบสื่อสัญญาณ โดยชุมสายโทรศัพท์ทำหน้าที่กำหนดเส้นทางสื่อสาร เพื่อการเชื่อมต่อเส้นทางต้นทางถึงปลายทางและระบบสื่อสัญญาณ จะทำหน้าที่เชื่อมโยงระบบชุมสายโทรศัพท์ เข้าด้วยกัน (เช่น ไมโครเวฟ ดาวเทียม เคเบิลเส้นใยนำแสง เป็นต้น) โดยการใช้งานจะเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับสถานที่และอื่นๆ
๕.๕.๒ ส่วนเชื่อมต่อไปยังบ้านผู้ใช้บริการ (local loop) ใช้สำหรับต่อเชื่อมต่อจากส่วนของโครงข่ายไปยังบ้านผู้ใช้บริการหรือรวมเรียกส่วนนี้ว่าข่ายสายตอนนอก(outside plant) ประกอบด้วยส่วนประกอบย่อย ดังนี้
ก) แผงกระจายสายรวมโทรศัพท์ (Main Distribution Frame: MDF) ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ในชุมสายโทรศัพท์เข้ากับข่ายสายตอนนอก เป็นที่รวมของสายทองแดงของสายโทรศัพท์ในพื้นที่ให้บริการ
ข) เคเบิลต้นทาง (Primary cable) สายเคเบิลเชื่อมต่อจากชุมสาย ไปยังตู้ต่อผ่านที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก ประกอบด้วยสายทองแดงจำนวนมาก มักติดตั้งในท่อร้อยสายฝังดิน
ค) ตู้ต่อผ่าน (Cross cabinet) หรือตู้ต่อผ่านระหว่างสายเคเบิลต้นทางกับสายเคเบิลปลายทาง
ง) เคเบิลปลายทาง (Secondary cable) เป็นเคเบิลเชื่อมต่อไปยังจุดกระจายสาย น้ำหนักเบา ประกอบ ด้วยสายทองแดงจำนวนน้อย
จ) จุดกระจายสาย (Distribution point) หรือจุดเชื่อมต่อระหว่างเคเบิลปลายทาง กับสายกระจาย
ฉ) สายกระจาย (Drop wire) คือ สายโทรศัพท์เชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์โทรศัพท์ตามบ้านผู้ใช้
ข) เคเบิลต้นทาง (Primary cable) สายเคเบิลเชื่อมต่อจากชุมสาย ไปยังตู้ต่อผ่านที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก ประกอบด้วยสายทองแดงจำนวนมาก มักติดตั้งในท่อร้อยสายฝังดิน
ค) ตู้ต่อผ่าน (Cross cabinet) หรือตู้ต่อผ่านระหว่างสายเคเบิลต้นทางกับสายเคเบิลปลายทาง
ง) เคเบิลปลายทาง (Secondary cable) เป็นเคเบิลเชื่อมต่อไปยังจุดกระจายสาย น้ำหนักเบา ประกอบ ด้วยสายทองแดงจำนวนน้อย
จ) จุดกระจายสาย (Distribution point) หรือจุดเชื่อมต่อระหว่างเคเบิลปลายทาง กับสายกระจาย
ฉ) สายกระจาย (Drop wire) คือ สายโทรศัพท์เชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์โทรศัพท์ตามบ้านผู้ใช้
๕.๖ โครงข่ายโทรศัพท์สำหรับประเทศไทย
โครงข่ายโทรศัพท์ในประเทศไทยแสดงได้ดังแบบตามลำดับชั้น (Hierarchy network) ซึ่งประกอบด้วย
ก) ชุมสายระดับโครงข่ายระหว่างประเทศ (International Telephone Switching Center: ITSC) ดำเนินงานโดย บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)
ข) ชุมสายต่อผ่านทางไกล หรือชุมสายโทรศัพท์ระดับที่ ๓ (ในประเทศ บริษัท ทีโอที จำกัด มหาชน) การเชื่อมต่อผ่านทางไกล (Tertiary Center: TC) ระหว่างจังหวัดที่อยู่คนละเขตทางไกลติดตั้งไว้สามเขตภูมิภาค (ณ พ.ศ. ๒๕๕๐) ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก นครราชสีมา และสุราษฎร์ธานี และในสี่เขตนครหลวง คือ ที่ชุมสายกรุงเกษม หลักสี่ พระโขนง และลาดหญ้า
ค) ชุมสายโทรศัพท์ระดับที่ ๒ (Secondary Center: SC) กำหนดเป็นชุมสายต่อทางไกลระหว่างไกลระหว่างจังหวัดในเขตเดียวกันโดยไม่ต้องเรียกหรือหมุนรหัสทางไกล
ง) ชุมสายโทรศัพท์ปฐมภูมิ (Primary Center: PC) ใช้สำหรับเชื่อมโยงระหว่างชุมสาย LE กับ SC
จ) ชุมสายท้องถิ่น (local exchange: LE) (รวม RSU (remote switching unit) และ RLU (remote line unit) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ LE ที่ติดตั้งไว้ระยะไกล)
ข) ชุมสายต่อผ่านทางไกล หรือชุมสายโทรศัพท์ระดับที่ ๓ (ในประเทศ บริษัท ทีโอที จำกัด มหาชน) การเชื่อมต่อผ่านทางไกล (Tertiary Center: TC) ระหว่างจังหวัดที่อยู่คนละเขตทางไกลติดตั้งไว้สามเขตภูมิภาค (ณ พ.ศ. ๒๕๕๐) ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก นครราชสีมา และสุราษฎร์ธานี และในสี่เขตนครหลวง คือ ที่ชุมสายกรุงเกษม หลักสี่ พระโขนง และลาดหญ้า
ค) ชุมสายโทรศัพท์ระดับที่ ๒ (Secondary Center: SC) กำหนดเป็นชุมสายต่อทางไกลระหว่างไกลระหว่างจังหวัดในเขตเดียวกันโดยไม่ต้องเรียกหรือหมุนรหัสทางไกล
ง) ชุมสายโทรศัพท์ปฐมภูมิ (Primary Center: PC) ใช้สำหรับเชื่อมโยงระหว่างชุมสาย LE กับ SC
จ) ชุมสายท้องถิ่น (local exchange: LE) (รวม RSU (remote switching unit) และ RLU (remote line unit) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ LE ที่ติดตั้งไว้ระยะไกล)
๖. จดหมายเหตุ (Milestone)
ตารางที่ ๖.๑ ตารางจดหมายเหตุ
พ.ศ.
(ค.ศ.) |
เหตุการณ์สำคัญ
|
๒๔๑๙
(1876) |
ประดิษฐ์โทรศัพท์ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell)
|
๒๔๑๙
(1876) |
เปิดใช้บริการชุมสายโทรศัพท์ให้กับผู้เช่าครั้งแรกในเมืองนิวเฮฟเว่น (New Haven)
เป็นระบบพนักงานต่อ (Manual Telephone System) โดยเปิดใช้บริการจำนวน ๒๑ หมายเลข |
๒๔๒๔
(1881) |
เริ่มนำระบบโทรศัพท์มาใช้ครั้งแรกในประเทศไทย โดยอาศัยสายโทรเลขที่กรมกลาโหมสร้างขึ้นสายแรก คือ กรุงเทพ -สมุทรปราการ
|
๒๔๓๓ (1890) |
อัลมอน บี สโตรว์เกอร์ (Almon B. Strowger) ได้พัฒนาโทรศัพท์ระบบที่ใช้พนักงานต่อมาเป็นระบบอัตโนมัติ เรียกชุมสายระบบ Step by Step
|
๒๔๕๗
(1914) |
เริ่มติดตั้งชุมสายโทรศัพท์แห่งแรกในประเทศไทย ติดตั้งระบบโทรศัพท์ไฟกลางใช้พนักงานต่อ (Central Battery: CB)เป็นชุมสายกึ่งอัตโนมัติ ติดตั้งที่โทรศัพท์กลางวัดเลียบ
|
๒๔๘๓
(1940) |
เริ่มใช้ชุมสายระบบ Step by Step ในประเทศไทย
|
๒๔๙๗
(1954) |
สถาปนาองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเพื่อให้บริการโทรศัพท์
|
๒๕๐๒
(1959) |
เริ่มใช้ชุมสายโทรศัพท์ครอสบาร์ ติดตั้งครั้งแรกในประเทศไทยที่ชุมสายชลบุรี
|
๒๕๑๓
(1970) |
มีการพัฒนาระบบโทรศัพท์ที่มีการควบคุมการทำงานระบบด้วยซอฟต์แวร์(Software)
เรียกว่าระบบเอสพีซี(Stored Program Control: SPC) |
๒๕๒๐
(1977) |
เริ่มใช้เครื่องโทรศัพท์แบบกดปุ่ม ในเขตนครหลวง
|
๒๕๒๖
(1983)
๒๕๔๐
(1997) | เปิดใช้ชุมสายโทรศัพท์ระบบ SPC ครั้งแรกที่ชุมสายภูเก็ตปรับเปลี่ยนโทรศัพท์ ระบบครอสบาร์(แบบหมุน) เป็นระบบเอสพีซี(แบบกดปุ่ม) ทั้งหมด |
๒๕๔๕
(2002) |
องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยแปลงสภาพเป็นบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน (TOT Corporation Public Company Limited)
|
๒๕๔๙
(2006) |
เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (TOT Public Company Limited)
|
๒๕๔๙
(2006) |
บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการโทรคมนาคม
แบบที่หนึ่งและแบบที่สาม |
อ้างอิง https://www.l3nr.org/posts/464474https://www.l3nr.org/posts/464474
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น